วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Assignment 4

ให้นักศึกษาทำการพิจารณาจากเงื่อนไขต่อไปนี้พร้อมให้เหตุผลประกอบว่าเหตุใดควรเลือกใช้การเชื่อมต่อแบบใยแก้วนำแสงหรือแบบสายทองแดง


1. ต้องการความเร็วในการเชื่อมต่อเครือข่ายสำหรับเครื่อง Desktop

- เลือกสายทองแดง เพราะ สายสัญญาณที่ใช้สายตัวนำเส้นเดียวตรงกลางล้อมรอบด้วยชั้นฉนวน และมีโลหะถักหุ้ม สายโคแอกเชียลหรือที่เรียกว่า “10Base2” คือสายสัญญาณที่ใช้ในระบบ LAN แบบบัสมี 2 แบบคือแบบหนา ( Thick Coaxial) และแบบบาง ( Thin Coaxial) แต่ที่จะนำมาใช้คือแบบบาง หรือเรียกอีกย่างหนึ่งว่า RG-58 ซึ่งมีความต้านทาน 50 โอห์ม การต่อสายเข้ากับการ์ด LAN ที่มีหัวแบบ BNC (British Naral Connector) โดยผ่านตัว T-Connector และที่ปลายสายทั้งสองด้าน จะต้องปิดด้วยหัวจุก Terminator ขนาด 50 โอห์มเสมอ ระยะทำการของสายจากเครื่องแรกจนกระทั่ง เครื่องสุดท้ายไม่เกินประมาณ 185 เมตร  

2. ต้องการให้ประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อระหว่างวงแลนมีความเร็วสูง




- เลือกสายใยแก้วนำแสง เพราะ สัญญาณที่ส่งไปบนตัวนำเป็นคลื่นแสง ทำให้สายไฟเบอร์-ออปติกไม่ถูกรบกวนจากกระแสไฟด้านนอก แก้วแต่ละเส้นส่งสัญญาณได้ทางเดียวเท่านั้น ดังนั้นสายเคเบิลจึงแบ่งเป็น 2 ส้นแยกกัน ในแต่ละส่วนจะมี Kevlar Fiber เพื่อความแข็งแรงของสาย และชั้นส่งกำลังเพิ่มที่ทำด้วยพลาสติกหุ้มรอบแก้ว ตัวเชื่อมต่อพิเศษทำให้การเชื่อมต่อเป็นการสื่อสารด้วยแสงทั้งหมด ซึ่งเป็นตัวยิงเลเซอร์และเป็นตัวรบแสงด้วย เนื่องจากสายชนิดนี้ไม่มีการถูกรบกวนและคลื่นแสงสามารถส่งไปได้ไกลหลายไมค์ โดยไม่สูญเสียความแรงของคลื่น ทำให้สายไฟเบอร์-ออปติกสามารถส่งข้อมูลได้ไกลและเร็ว ใช้สำหรับส่งข้อมูลที่ต้องการความเร็วสูง มีข้อมูลที่ต้องการส่งเป็นจำนวนมาก และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีสัญญาณไฟฟ้ารบกวนมาก ความเร็วในการส่งข้อมูล 1 Gbps ระยะทางในการส่งข้อมูล 20-30 mile 

3. ระยะทางที่สายสัญญาณเดินทางผ่านต้องผ่านเครื่องกำเนิดพลังงานไฟฟ้า


- เลือกสายใยแก้วนำแสง เพราะ สายสัญญาณแบบใยแก้วนำแสงมีความทนทานต่อคลื่นรบกวนภายนอกสูง สัญญาณรบกวนทางไฟฟ้าจึงไม่มีผลต่อการรับส่งข้อมูล ดังนั้นสัญญาณรบกวนจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า จึงไม่มีผลกระทบต่อการรับส่งข้อมูลของสายสัญญาณประเภทนี้ และสายสัญญาณแบบใยแก้วนำแสงนี้ยีงมีการจำกัดการแพร่กระจายของข้อมูลในระบบเครือข่ายได้ดีอีกด้วย

4.  ต้องการระบบที่ง่ายต่อการตรวจสอบและซ่อมบำรุงกรณีเกิดปัญหาการเชื่อมต่อ



 เลือกใช้สายสัญญาณแแบบทองเเดง เพราะมีการควบคุมการเชื่อมต่อของสัณญาณได้ดี เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับความผิดพลาดของการเชื่อมต่อสามารถหาจุดที่เกิดปัญหาได้อย่างรวดเร็ว  ราคาต่ำ จึงง่ายเเละสะดวกในการติดตั้งเพราะอาศัยสายทองเเดงเป็นหลักในการส่งสัญญาณเมื่อสายมีปัญหาก็สามารถซ่อมได้ทันทีทีเกิดการชำรุด

5.รองรับการเพิ่มจุดการเชื่อมต่อสำหรับคอมพิวเตอร์ notebook เพิ่มเติมอย่างน้อย 4 เครื่อง


-เลือกสายทองแดง เพราะ สายโคแอกเชียลเป็นสายสัญญาณอีกแบบหนึ่ง จะประกอบด้วยลวดทองแดงอยู่ตรงกลาง หุ้มด้วยฉนวนพลาสติก 1 ชั้น แล้วจึงหุ้มด้วยทองแดงที่ถักเป็นแผ่น แล้วหุ้มภายนอกอีกชั้นหนึ่งด้วยฉนวน สามารถป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสัญญาณรบกวนอื่นๆ ใช้ในระบบโทรทัศน์ ความเร็วในการส่งข้อมูล 350 Mbps ส่งได้ในระยะทาง 2-3 mile การเชื่อมต่อของสายสัญญาณในปัจจุบันคือการเชื่อมต่อแบบสตาร์ (Star) โดยต้องผ่านHub ที่เป็นตัวกลางในการส่งสัญญาณ


วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Assignment#3


หลักการใช้อินเตอร์เน็ตอย่างปลอดภัย

ในปัจจุบันมีผู้ใช้บริการ บนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทั่วโลก เพราะเป็นช่องทางที่สามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงธุรกิจและพาณิชย์ในด้านต่างๆ ช่วยในเรื่องการลดระยะเวลาและต้นทุนในการติดต่อสื่อสาร แต่อย่างไรก็ตามผู้ใช้โดยทั่วไป ยังไม่เห็นความสำคัญ ของการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยเท่าที่ควร เนื่องจากยังขาดความรู้ในการใช้งานและวิธีป้องกัน หรืออาจคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรมาก ในการใช้งาน แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับตัวเองแล้ว ก็ทำให้ตนเองเดือดร้อน เราสามารถป้องกันปัญหาเหล่านี้ได้ ดังนี้ 
1 ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
2 ไม่ส่งหลักฐานส่วนตัวของตนเองและคนในครอบครัวให้ผู้อื่น เช่น สำเนาบัตรประชาชน เอกสารต่างๆ รวมถึงรหัสบัตรต่างๆ เช่น เอทีเอ็ม บัตรเครดิต ฯลฯ
3 ไม่ควรโอนเงินให้ใครอย่างเด็ดขาด นอกจากจะเป็นญาติสนิทที่เชื่อใจได้จริงๆ
4 ไม่ออกไปพบเพื่อนที่รู้จักทางอินเทอร์เน็ต เว้นเสียแต่ว่าได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ผู้ปกครอง และควรมีผู้ใหญ่หรือเพื่อนไปด้วยหลายๆ คน เพื่อป้องกันการลักพาตัว หรือการกระทำมิดีมิร้ายต่างๆ
5 ระมัดระวังการซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ต รวมถึงคำโฆษณาชวนเชื่ออื่นๆ เด็กต้องปรึกษาพ่อแม่ผู้ปกครอง โดยต้องใช้วิจารณญาณ พิจารณาความน่าเชื่อถือของผู้ขาย
6 สอนให้เด็กบอกพ่อแม่ผู้ปกครองหรือคุณครู ถ้าถูกกลั่นแกล้งทางอินเทอร์เน็ต (Internet Bullying)
7 ไม่เผลอบันทึกยูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ดขณะใช้เครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะ
อย่าบันทึก!ชื่อผู้ใช้และพาสเวิร์ดของคุณบนเครื่องคอมพิวเตอร์นี้” อย่างเด็ดขาด เพราะผู้ที่มาใช้เครื่องต่อจากคุณ สามารถล็อคอินเข้าไป จากชื่อของคุณที่ถูกบันทึกไว้ แล้วสวมรอยเป็นคุณ หรือแม้แต่โอนเงินในบัญชีของคุณจ่ายค่าสินค้าและบริการต่างๆ ที่เขาต้องการ ผลก็คือคุณอาจหมดตัวและล้มละลายได้
8 ไม่ควรบันทึกภาพวิดีโอ หรือเสียงที่ไมเหมาะสมบนคอมพิวเตอร์ หรือบนมือถือ
เพราะภาพ เสียง หรือวีดีโอนั้นๆ รั่วไหลได้ เช่นจากการแคร็ก ข้อมูล หรือถูกดาวน์โหลดผ่านโปรแกรม เพียร์ ทู เพียร์ (P2P) และถึงแม้ว่าคุณจะลบไฟล์นั้นออกไปจากเครื่องแล้ว ส่วนใดส่วนหนึ่งของไฟล์ยังตกค้างอยู่ แล้วอาจถูกกู้กลับขึ้นมาได้ โดยช่างคอม ช่างมือถือ
9 จัดการกับ Junk Mail จังค์ เมล์ หรือ อีเมล์ขยะ
ปกติ การใช้อีเมล์จะมีกล่องจดหมายส่วนตัว หรือ Inbox กับ กล่องจดหมายขยะ Junk mail box หรือ Bulk Mail เพื่อแยกแยะประเภทของอีเมล์ เราจึงต้องทำความเข้าใจ และเรียนรู้ที่จะคัดกรองจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ด้วยตัวเอง เพื่อกันไม่ให้มาปะปนกับจดหมายดีๆ ซึ่งเราอาจเผลอไปเปิดอ่าน แล้วถูกสปายแวร์ แอดแวร์เกาะติดอยู่บนเครื่อง หรือแม้แต่ถูกไวรัสคอมพิวเตอร์เล่นงาน
10 จัดการกับแอดแวร์ สปายแวร์
จัดการกับสปายแวร์แอดแวร์ที่ลักลอบเข้ามาสอดส่องพฤติกรรมการใช้เน็ตของคุณ ด้วยการซื้อโปรแกรมหรือไปดาวน์โหลดฟรีโปรแกรมมาดักจับและขจัดเจ้าแอดแวร์ สปายแวร์ออกไปจากเครื่องของคุณ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมฟรีได้ที่
แต่แค่มีโปรแกรมไว้ในเครื่องยังไม่พอ คุณต้องหมั่นอัพเดทโปรแกรมออนไลน์และสแกนเครื่องของคุณบ่อยๆด้วย เพื่อให้เครื่องของคุณปลอดสปาย ข้อมูลของคุณก็ปลอดภัย
* โปรแกรมล้าง แอดแวร์ และ สปายแวร์ จะใช้โปรแกรมตัวเดียวกัน ซึ่งบางครั้งเขาอาจตั้งชื่อโดยใช้แค่เพียงว่า โปรแกรมล้าง แอดแวร์ แต่อันที่จริง มันลบทิ้งทั้ง แอดแวร์ และสปายแวร์พร้อมๆ กัน เพราะเจ้าสองตัวนี้ มันคล้ายๆ กัน
11 จัดการกับไวรัสคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจำเป็นต้องมีโปรแกรมสแกนดักจับและฆ่าไวรัส ซึ่งอันนี้ควรจะดำเนินการทันทีเมื่อซื้อเครื่องคอม เนื่องจากไวรัสพัฒนาเร็วมาก มีไวรัสพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นทุกวัน แม้จะติดตั้งโปรแกรมฆ่าไวรัสไว้แล้ว ถ้าไม่ทำการอัพเดทโปรแกรมทางอินเทอร์เน็ต เวลาที่มีไวรัสตัวใหม่ๆ แอบเข้ามากับอินเทอร์เน็ต เครื่องคุณก็อาจจะโดนทำลายได้
12 ใช้ Adult Content Filter ในโปรแกรม P2P
สำหรับผู้ชื่นชอบการดาวน์โหลดผ่านโปรแกรมแชร์ข้อมูล P2P ให้ระวังข้อมูลสำคัญ ไฟล์ภาพ วีดีโอส่วนตัว หรืออะไรที่ไม่ต้องการจะเปิดเผยสู่สาธารณะชน ควรบันทึกลงซีดี ดีวีดี หรือเทปไว้ อย่าเก็บไว้บนเครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะคุณอาจถูกเจาะเอาข้อมูลเหล่านี้ไปได้
13 กรองเว็บไม่เหมาะสมด้วย Content Advisor ในอินเทอร์เน็ต เอ็กซ์พลอเรอ
ในโปรแกรมเว็บ บราวเซอร์ อย่าง อินเทอร์เน็ต เอ็กซ์พลอเรอ ก็มีการตั้งค่า คอนเทนท์ แอดไวเซอร์ หรือฟังก์ชั่น การกรองเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก ซึ่งจะทำให้เด็กไม่สามารถเปิดเข้าไปในเว็บไซท์ที่มีภาพและเนื้อหา โป๊ เปลือย ภาษาหยาบคาย รุนแรงได้ และยังมีการตั้งพาสเวิร์ด หรือรหัส สำหรับผู้ปกครอง เพื่อกันเด็กเข้าไปแก้ไขการตั้งค่าของคุณ ซึ่งคุณสามารถเข้าไปปลดล็อกได้ทุกเมื่อ ถ้าคุณจำเป็นต้องเข้าเว็บไซท์บางเว็บไซท์
ที่มา
www.icthousekeeper.com


เปรียบเทียบอิทธิพลของ  Social media กับ Traditional media ในยุคปัจจุบัน


Social media คือ การสื่อสารส่งข้อมูลข่าวสารในรูปแบบใหม่ที่มีการสื่อสารผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งสามารถสื่อสารได้ 2 ทาง เช่น facebook e-mail youtube
  Traditional media คือ การสื่อสารส่งข้อมูลในรูปแบบเดิมที่ไม่ผ่านระบบอินเตอร์เน็ท ซึ่งเป็นการสื่อสารทางเดียว เช่น ทีวี วิทยุ สิ่งพิมพ์ 
ในปัจจุบัน social media เข้ามามีอิทธิพลต่อมนุษย์มากยิ่งขึ้น เพราะในยุคนี้ผู้คนส่วนใหญ่ต่างมี คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตใช้กันทุกบ้าน social media มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของเราในทุกๆวัน เช่น  
- การตื่นเช้ามาอย่างแรกที่จะทำคือการเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเช็ค facebook หรือข่าวสารต่างๆ
- การโฆษณาทาง social media มีอัตราการเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ
- หนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับในประเทศไทย ให้บริการ News Content และมีเนื้อที่สำหรับการโฆษณา ออนไลน์ด้วย หรือจะอ่านหนังสือพิมพ์แบบ e-Newspaper ได้โดยผ่าน Digital Device ต่างๆ
 -โทรทัศน์ก็สามารุถเข้าไปชมรายการย้อนหลังได้จากเว็บไซต์ช่องต่างๆ เราสามารถเลือกดูรายการที่ เราพลาดชม หรือเลือกดูรายการโปรดได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะพลาดตอนจบของดอกส้มสีทอง
-วิทยุก็กลายเป็นโทรทัศน์หรือเป็นเคเบิลทีวี เราสามารุฟังรายการวิทยุจากเว็บไซต์ หรือชมผ่าน โทรทัศน์ก็ได้ ในขณะเดียวกันโทรทัศน์เองก็รายงานข่าวทั้งโทรทัศน์เองด้วยและก็ออกอากาศทางวิทยุ  รวมถึงสามารถชมรายการสดๆทางอินเทอร์เน็ตได้อีกด้วย




Weblog มีประโยชน์อย่างไรกับแวดวงธุรกิจในปัจจุบัน







ปัจจุบันนี้ บริษัทชั้นนำต่าง ๆ ของโลก ได้หันมาจับตามอง Blog ซึ่งเป็นรูปแบบของการ Marketing แบบใหม่ เนื่องจาก Blogger จะมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้อ่าน Blog สูงมาก เนื่องจากทั้งสองสามารถโต้ตอบกันได้โดยตรง การที่ใช้ Blog มาเป็นเครื่องมือทางการตลาดนั้น อาจเรียกได้ว่าเป็น Buzz Marketing บางบริษัทอาจเลือกเจ้าของ Blog ให้เป็น presenter ให้กับผลิตภัณฑ์ของตนเอง เช่นเสนอสินค้า ให้เจ้าของ Blog นำไปเขียนวิจารณ์หรือเขียนถึงใน Blog ของตนเป็นต้น
บางบริษัทใช้ Blog เพื่อเป็นเครื่องมือสื่อสาร หรือ PR ข่าวสารขององค์กร โดยการใช้ Blog เพื่อประกาศข่าวสารนั้น จะดูมีความเป็นกันเองและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างเป็นมิตร เพราะเนื่องจากลูกค้าสามารถกาก comment หรือสื่อสารกับเจ้าของ Blog ได้ทันที ทำให้บริษัทเอง จะได้ประโยชน์จากคำแนะนำที่ตรงไปตรงมาของลูกค้าอีกด้วย บริษัทชั้นนำต่างเลือกที่จะใช้ Blog มาเป็นเครื่องมือทางการตลาดกันแล้ว โดยบางแห่งใช้ทั้ง Blog อย่างเป็นทางการของบริษัท แถมยังเปิดให้พนักงานได้เขียน Blog ของตนเองอีกด้วย โดยวิธีการนี้นับเป็นการทำการตลาดโดยการสร้างการรับรู้ตราสินค้า (Brand) โดยทางอ้อมอีกด้วย

นอกเหนือจากองค์กรธุรกิจแล้ว บุคคลที่ทำงานคนเดียวหรือเป็นกลุ่ม สามารถใช้ Blog เพื่อเป็นการเผยแพร่ผลงาน หรือขายสินค้าของตนได้อีกด้วยเช่น ช่างภาพ, ศิลปิน, นักออกแบบ, นักเขียน, นักวาดการ์ตูน, ร้านค้า, ฯลฯ


Google Apps คืออะไร 


Google Apps เป็น Solution การจัดการข้อมูลทุกชนิดสำหรับ บริษัท, องค์กร, ธุรกิจ, กลุ่ม, ชมรม ของท่าน เพื่อให้ “ข้อมูล” ต่างๆ สามารถ “เข้าถึงได้ง่าย” (Accessible) และ “คงทนถาวร” (Durability) มากที่สุด ซึ่งภายใน Google Apps นั้น ประกอบไปด้วยโปรแกรมต่างๆ ภายในดังนี้
  • Google Mail: จัดเก็บ รับ-ส่ง จดหมาย (E-mail) สำหรับองค์กรของท่าน สามารถใช้ Domain ของบริษัทท่านเป็น E-mail ได้ และปลอดภัยจากอีเมลล์ขยะ (Spam Filter)
  • Google Calendar: แบ่งปัน นัดหมายส่วนตัวของคนในองค์กร และใช้เป็นปฏิทินกลาง สำหรับแจ้งข้อมูลการเข้าประชุม, กำหนดการส่งของ และอื่นๆ ได้อย่างสร้างสรร
  • Google Docs: แชร์เอกสารทั้ง Word, Excel และ PPT เพื่อให้พนักงานในองค์กรสามารถ อ่านข้อมูล หรือแก้ไข ได้พร้อมๆ กัน แบบ Real-time
  • Google Sites: เว็บเพจกลางสำหรับใช้ภายในบริษัท (Intranet) เพื่อส่งข่าว หรือประกาศสำคัญๆ ต่างๆ หรือ ฐานข้อมูลความรู้ (Knowledge Base) เพื่อให้พนักงานเข้าถึงได้
Cloud Computing คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรกับธุรกิจในปัจจุบัน




การประมวลผลที่อิงกับความต้องการของผู้ใช้ โดยผู้ใช้สามารถระบุความต้องการไปยังซอฟต์แวร์ของระบบ Cloud Computing จากนั้นซอฟต์แวร์จะร้องขอให้ ระบบ จัดสรรทรัพยากรและบริการให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ โดยระบบสามารถเพิ่มหรือลดจำนวนทรัพยากรให้พอเหมาะกับความต้องการของผู้ใช้ โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องทราบการทำงานเบื้องหลังว่าเป็นอย่างไร” โดย JavaBoom Collection
หรือ คำนิยามจากวิกิพีเดีย ที่ว่า “Cloud Computing อ้างถึงทรัพยากรสำหรับการคำนวณผลที่ถูกเข้าถึง ซึ่งโดยทั่วไปถูกเป็นเจ้าของและถูกดำเนินการโดยผู้ให้บริการบุคคลที่ 3 (third-party provider) ซึ่งได้รวบรวมพื้นฐานที่จำเป็นทั่วไปเข้าไว้ด้วยกันในตำแหน่งที่ตั้งของศูนย์คอมพิวเตอร์ (Data Center)  โดยผู้บริโภคบริการ cloud computingเสียค่าใช้จ่ายเพื่อความสามารถการคำนวณหรือการประมวลผลตามที่ต้องการ และไม่จำเป็นต้องรู้หรือเข้าใจในเทคโนโลยีที่สำคัญซึ่งซ่อนอยู่ อันที่ถูกใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องแม่ข่าย (server)  อย่างไรก็ตามมีตัวเลือกสำหรับผู้พัฒนาที่ต้องรู้และต้องคำนึงถึงในเทคโนโลยีสำคัญซึ่งซ่อนอยู่ในส่วนของการบริการแพล็ตฟอร์ม (platform services)

การนำ Cloud computing มาใช้ในระบบบัญชี


รูปแบบการประมวลผลแบบ Cloud computing ได้ถูกนำมาใช้ในโปรแกรม ERP ระดับโลกหลายตัว ยกตัวอย่างการทำบัญชีอออนไลน์ผ่าน Cloud computing ซึ่งช่วยให้ระบบงานส่วนหน้าแบบ Mobile สามารถทำงานระบบใหญ่ๆโดยใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กได้อย่างคล่องตัว และสามารถฝากการประมวลผลขนาดใหญ่ไว้บน Cloud server ได้อย่างสะดวก พร้อมกับการเชื่อมต่อระหว่างสำนักงานใหญ่และสำนักบัญชีซึ่งอยู่ที่แห่งไหนก็ได้ด้วยการเชื่อมต่อ ADSL ราคาประหยัด หรือผ่านเครือข่ายสาธารณะอย่าง 3G ได้โดยทันที โดยสามารถเชื่อมต่อระบบที่หลากหลายที่สุด ไม่ว่าจะเป็น Desktop application, Web application และระบบ Legacy ทุกประเภท นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมระบบกับผู้ให้บริการระดับโลกทุกรายที่เปิดช่องทางการประมวลผลร่วมกันได้ด้วย เช่นการเชื่อมระบบสั่งซื้อหนังสือกับ Amazon หรือเชื่อมกับระบบ e-mail กับ gMail เป็นต้น นักเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า ต่อไปแกนกลางของระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดจะอยู่บน cloud ในกรณีของ ERP ก็มีแนวโน้มที่ ERP จะอยู่ในรูปของ PaaS โดยเป็น back bone และโครงสร้างหลักขององค์กรในการดำเนินธุรกรรม โดยทำงานร่วมกับ application ส่วนอื่นๆที่เป็นแบบ industry-specific ตั้งแต่อยู่บน cloud ผู้ใช้ ERP จะสามารถเรียกใช้ search engine ได้ สามารถเอาระบบสั่งซื้อสินค้าของ Amazon มาฝังไว้ในโปรแกรม ERP ได้ นำเอา GMail มาประกอบใน ERP ได้ โดยการเชื่อมโยงกันระดับ server บน internet โดยผู้ใช้ไม่ต้องติดตั้งระบบใดๆที่สำนักงาน แต่อาจจะต้องติดตั้งโปรแกรม client ที่ทำการสื่อสารกับ service provider หรืออาจจะทำงานผ่าน web browser ทั้งระบบเลยก็ได้

ความหมายของคำ

Browser 
-เบราว์เซอร์ หรือ โปรแกรมค้นดูเว็บ คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและโต้ตอบกับข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บในหน้าเวบที่สร้างด้วยภาษาเฉพาะ เช่น ภาษาเอชทีเอ็มแอล ที่จัดเก็บไว้ที่ระบบบริการเว็บหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์หรือระบบคลังข้อมูลอื่น ๆ โดยโปรแกรมค้นดูเว็บเปรียบเสมือนเครื่องมือในการติดต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเวิลด์ไวด์เว็บ


Client
-Client คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไปร้องขอบริการและรับบริการอย่างใดอย่างหนึ่งจาก Server
server คือเครื่องคอมพิวเตอร์หรือระบบปฏิบัติการหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่ให้บริการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง โดยอาศัยโปรแกรมWeb server แก่เครื่องคอมพิวเตอร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เป็นลูกข่าย ในระบบเครื่อข่าย

Domain Name Server (DNS)
-Domain Name Server (DNS) คือสิ่งที่นำมาอ้างถึงหมายเลขเครื่อง หรือ หมายเลข IP Address เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ DNS จะทำหน้าที่คล้ายกับสมุดโทรศัพท์ คือ เมื่อมีคนต้องการจะโทรศัพท์หาใคร คน ๆ นั้นก็จะต้องเปิดสมุดโทรศัพท์เพื่อค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของคนที่ต้องการจะติดต่อคอมพิวเตอร์ก็เช่นกัน เมื่อต้องการจะสื่อสารกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น เครื่องนั้นก็จะทำการสอบถามหมายเลข IP ของเครื่องที่ต้องการจะสื่อสาร กับ DNS server ซึ่งจะทำการค้นหาหมายเลขดังกล่าว ในฐานข้อมูลแล้วแจ้งให้ Host ดังกล่าวทราบ

Download
-การดึงข้อมูลจากคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งซึ่งเป็นต้นทางมาเก็บไว้ยังเครื่องของเรา โดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์

E-Mail
-ย่อมาจาก จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ คือวิธีการหนึ่งของการแลกเปลี่ยนข้อความแบบดิจิทัล ซึ่งออกแบบขึ้นเพื่อให้มนุษย์ใช้เป็นหลัก ข้อความนั้นจะต้องประกอบด้วยเนื้อหา ที่อยู่ของผู้ส่ง และที่อยู่ของผู้รับ (ซึ่งอาจมีมากกว่าหนึ่ง) เป็นอย่างน้อย บริการอีเมลบนอินเทอร์เน็ต

Freeware
-หมายถึงซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นและสามารถนำไปใช้ได้ในทุกจุดประสงค์โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย (เช่นราคาขายหรือค่าลิขสิทธิ์) ฟรีแวร์เป็นลักษณะก้ำกึ่งระหว่างซอฟต์แวร์พาณิชย์และซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ซ คืออนุญาตให้กลุ่มผู้พัฒนามีส่วนร่วมในการสร้างซอฟต์แวร์ แต่ก็ไม่เผยแพร่รหัสต้นฉบับสู่สาธารณชนเพื่อรักษาความลับทางการค้า

Home Page 
-เว็บเพจแรกที่ปรากฏหลังจากเริ่มใช้ web browser เช่น Netscape Navigator หรือ Microsoft Internet Explorer ซึ่ง browser มักจะได้รับการตั้งค่าก่อน ดังนั้น home page คือ เพจแรกของผู้ผลิต browser อย่างไรก็ตามผู้ใช้สามรถตั้งค่าการเปิด web site อื่น ๆ ได้ เช่น การระบุเป็น "http://yahoo.com" เป็น home page ของผู้ใช้

Internet
-อินเทอร์เน็ตคือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันเป็นจำนวนมากครอบคลุมไปทั่วโลกโดยอาศัยโครงสร้างระบบสื่อสารโทรคมนาคมเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูล มีการประยุกต์ใช้งานหลากหลายรูปแบบ อินเทอร์เน็ตเป็นทั้งเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ และเครือข่ายของเครือข่าย เพราะอินเทอร์เน็ตประกอบด้วยเครือข่ายย่อยเป็นจำนวนมากต่อเชื่อมเข้าด้วยกันภายใต้มาตรฐานเดียวกันจนเป็นสังคมเครือข่ายขนาดใหญ่ อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายสาธารณะที่ไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าของ ทำให้การเข้าสู่เครือข่ายเป็นไปได้อย่างเสรีภายใต้กฎเกณฑ์บางประการที่กำหนดขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและวุ่นวายจากการเชื่อมต่อจากเครือข่ายทั่วโลก

Server
-server คือ เครื่องคอมพิวเตอร์หรือระบบปฏิบัติการหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่ให้บริการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง แก่เครื่องคอมพิวเตอร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เป็นลูกข่าย ในระบบเครื่อ ข่าย

World Wide Web  (WWW)
-World Wide Web หรือที่เรามักเรียกสั้นๆว่า Web หรือ W3 (WWW) คือ คอมพิวเตอร์ส่วนหนึ่งบนอินเตอร์เน็ต ที่ถูกเชื่อมต่อกันในแบบพิเศษที่ทำให้คอมพิวเตอร์เหล่านั้นสามารถเข้าถึงข้อมูลเนื้อหาที่เก็บไว้ภายในของแต่ละเครื่องได้ (กลายเป็นแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่) โดยผ่านทาง บราวเซอร์ (Browser) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ประเภทหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้อ่านและตอบโต้ข้อมูลต่างๆที่มีอยู่ใน World Wide Web โดยเฉพาะ บราวเซอร์ที่พบเห็นได้มากที่สุดในปัจจุบัน ได้แก่ Internet Explorer ของ และ Firefox

Website
-เว็บไซต์ (Web Site) คือ แหล่งที่เก็บรวบรวมข้อมูลเอกสารและสื่อประสมต่าง ๆ เช่น ภาพ เสียง ข้อความ ของแต่ละบริษัทหรือหน่วยงานโดยเรียกเอกสารต่าง ๆ เหล่านี้ว่า เว็บเพจ (Web Page) และเรียกเว็บหน้าแรกของแต่ละเว็บไซต์ว่า โฮมเพจ (Home Page) หรืออาจกล่าวได้ว่า เว็บไซต์ก็คือเว็บเพจอย่างน้อยสองหน้าที่มีลิงก์ (Links) ถึงกัน 

Web browser
-web browser หรือ โปรแกรมค้นดูเว็บ คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและโต้ตอบกับข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บในหน้าเวบที่สร้างด้วยภาษาเฉพาะ เช่น ภาษาเอชทีเอ็มแอล (HTML)ที่จัดเก็บไว้ที่ระบบบริการเว็บหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์หรือระบบคลังข้อมูลอื่นๆ โดยโปรแกรมค้นดูเว็บเปรียบเสมือนสื่อในการติดต่อกับเครือข่าย หรือ เน็ตเวิร์คขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเวิลด์ไวด์เว็บ

Hyper Text
-hypertext เป็นการจัดการหน่วยสารสนเทศในการติดต่อ ที่ผู้ใช้เลือกสำหรับสร้าง โดยมีลักษณะเช่นเดียวกับการเชื่อม (Link ) หรือ hypertext link  hypertext เป็นแนวคิดหลักในการนำไปสู่การคิดค้น World Wide Web ซึ่งไม่มีอะไรมากกว่าสารสนเทศ จำนวนมหาศาล ที่เชื่อมต่อโดย hypertext link จำนวนมาก

วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Assignment#2.3

ตรวจสอบสภาพอากาศทั่วโลกก่อนเดินทางใน Google



   เราสามารถตรวจดูสภาพอากาศทั่วโลกจากเว็บไซต์ Google ได้ เพียงพิมพ์คำว่า weather ตามด้วย ชื่อเมืองที่ต้องการ เราก็สามารถเตรียมพร้อมก่อนแพ็คกระเป๋าเดินทางได้อย่างมั่นใจ ในตัวอย่างต่อไปนี้หากเราต้องการทราบสภาพอากาศของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก็ให้พิมพ์คำว่า weather london ในช่อง Search ของ Google ดังนี้

วิธีตรวจสอบสภาพอากาศทั่วโลกก่อนเดินทาง
          1. เปิดหน้าต่างเว็บไซต์ www.google.co.th
          2. พิมพ์ weather london แล้วกดปุ่ม ค้นหาด้วย Google


3. จากนั้นเราก็จะทราบสภาพอากาศในวันต่าง ๆ ของกรุงลอนดอนได้ทันที



Assignment#2.2


5 วิธีจัดการกับอีเมล ที่จะช่วยให้คุณทำงานง่ายขึ้น

     ทุกวันนี้ใครไม่มีอีเมลใช้ถือว่าล้าหลังอย่างมาก อีเมลเข้ามามีบทบาทในการติดต่อสื่อสารอย่าง หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมันให้ทั้งความสะดวกและรวดเร็วกว่าการส่งทางไปรษณีย์เป็นไหน ๆ ช่วยร่นเวลา ไม่ว่าระยะทางจะไกลเพียงไหนก็ส่งได้ไวเพียงอึดใจเดียว ด้วยความที่อีเมลช่างรวดเร็ว และเชื่อมต่อกัน ได้ทั่วโลก วัน ๆ หนึ่งจึงมีอีเมลเข้ามาในกล่องอินบ๊อกซ์มากมาย หากไม่รู้จักจัดระเบียบ บริหารอีเมล จำนวนมากนั้นแล้ว ความยุ่งยากในการค้นหาอีเมลที่จำเป็นท่ามกลางกองอีเมลนับร้อยในแต่ละวันย่อม จะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของคุณอย่างแน่นอน 5 วิธีต่อไปนี้จะช่วยในการจัดระเบียบอีเมลของคุณ

1. เลือกใช้ให้เหมาะกับการใช้งาน
          คุยกับเพื่อนใช้ฟรีอีเมลอย่าง hotmail, yahoo หรือ Gmail แต่ถ้าในสำนักงานควรใช้โปรแกรม อีเมลขององค์กรปลอดภัยกว่าฟรี อีเมล ปกป้องความลับทางธุรกิจได้ดีกว่า แถมยังมีฟีเจอร์ให้เลือก ใช้หลากหลายกว่า

2. เคลียร์อีเมล ตั้งโฟลเดอร์ย่อย
          ควรเคลียร์อีเมลเป็นประจำ แยกเรื่องงานกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานออกจากกัน โดยอาจตั้ง โฟลเดอร์ย่อยให้เป็นหมวดหมู่ เช่นแบ่งตามชื่อโปรเจ็กต์ หรือชื่อผู้ส่ง จากนั้นตั้งค่าฟิลเตอร์ เพื่อให้ระบบ แยกอีเมลที่ต้องการไปเข้าในหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องเข้ามารวมกันอยู่ในอินบ็อกซ์ ที่เดียว ทำให้คุณสามารถค้นหาอีเมลที่ต้องการได้สะดวกรวดเร็วขึ้น  รวมทั้งคัดกรองเมลที่ไม่จำเป็น เช่น สแปมเมล ฟอร์เวิร์ดเมลออก อินบ็อกซ์ของคุณก็จะน่าดูขึ้น ไม่รกรุงรังเต็มไปด้วยอีเมลขยะที่ไม่ต้องการ

3. ตั้งระบบตอบกลับอัตโนมัติ
          การกำหนดเงื่อนไขการตอบกลับอีเมลโดยอัตโนมัติก็ช่วยในการทำงานแบบมืออาชีพได้ดี คุณอาจ ตั้งค่าจากหัวข้ออีเมล เช่น Request หรือ Ask for Help เพื่อรับอีเมลที่พนักงาน ส่งมาขอความช่วยเหลือ ทางด้านไอทีจากคุณ โดยคุณอาจตั้งการตอบกลับอัตโนมัติด้วยข้อความที่คุณเขียนขึ้นเองว่า คุณรับทราบ ปัญหาของเขาแล้วและจะรีบดำเนินการให้ ซึ่งจะทำให้ผู้ส่งรู้สึกอุ่นใจว่าเขาจะได้รับการแก้ปัญหาในไม่ช้า นอกจากนี้การใช้งานโปรแกรมเมลนั้นมีฟีเจอร์มากมายที่พร้อมจะรองรับการใช้งานของคุณ ซึ่งคุณควรหา โอกาสศึกษาหรืออ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่คุณได้อีกมาก ทีเดียว

4. รู้จักป้องกันอีเมลหลอกลวง
          โจรไฮเทคเดี๋ยวนี้มีหลากหลายรูปแบบ ประเภทหนึ่งที่ชอบส่งอีเมลหลอกลวงเพื่อล้วง ข้อมูลทางการ เงินส่วนบุคคลด้วย Phishing Mail ซึ่งเป็นการส่งอีเมลมาเพื่อ หลอกลวงว่าข้อมูลทางการเงินของคุณกำลัง มีปัญหา ให้คุณล็อกอินเข้าไปเพื่อตรวจสอบ ซึ่งอีเมลนี้จะเลียนแบบหน้าเว็บไซต์ของธนาคารจนทำให้ คุณหลงเชื่อว่าเป็นอีเมลที่ส่งมาจากธนาคารจริง ๆ แต่เมื่อคุณใส่รหัสส่วนตัวของคุณเข้าไปยังเว็บลิงก์ ปลอมในอีเมลนั้น ก็จะถูกขโมยข้อมูลทางการเงินไปในที่สุด
ดังนั้นเมื่อพบอีเมลประเภทนี้อย่าหลงกลง่าย ๆ ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากธนาคารนั้น ๆ ให้แน่ใจ เสียก่อน จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของพวกมิจฉาชีพ

5. แบ็กอัพข้อมูลให้เป็นนิสัย
          เพื่อให้งานของคุณดำเนินไปด้วยความราบรื่น ไม่สะดุด หรือข้อมูลสำคัญสูญหาย เสียหาย จึงควร ทำการแบ็กอัพข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงบนเซิร์ฟเวอร์ด้วย
          คนไอทีนอกจากจะใช้งานอีเมลได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว ยังต้องรู้จักบริหารจัดการ จัดระเบียบ และป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ไว้ล่วงหน้าด้วยเสมอ เพื่อให้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมืออำนวย ความสะดวกอย่างแท้จริง และไม่ต้องมานั่งปวดหัวในภายหลัง

ที่มา itechnicaljob.com

Assignment#2.1


Facebook Timeline: ใช้ยังไงให้ Happy … รู้ดีหรือยังที่บ่น


   ล่าสุดหลายๆ คนคงได้เห็นกันไปแล้วกับการเปลี่ยนแปล Facebook ครั้งใหญ่ กับสิ่งที่เรียกว่า Facebook Timeline ซึ่งจะว่าไปแล้ว มันก็เหมือนกับการออกแบบหน้า Profile ของผู้ใช้ใหม่ ด้วยคอนเซ็ปต์ของการเรียงลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยู่บนเส้นชีวิตของคุณตามลำดับเวลาที่เกิดขึ้น ที่สำคัญก็คือมันสามารถย้อนอดีตกลับไปตั้งแต่สมัยคุณเกิดได้เลยทีเดียว
ด้วย Facebook Timeline คุณสามารถจะใส่ชีวิตทั้งชีวิตของคุณลงไปในนั้น เป็นเหมือนบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของคุณตามช่วงเวลาต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ Status, รุปภาพ, วิดีโอ รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกของ Facebook


    หลายคนอาจจะถามว่าแล้วข้อมูลส่วนตัวของฉันก่อนที่จะมาเล่น Facebook มาจากไหน คำตอบก็คือคุณต้องเป็นคนอัพโหลดขึ้นไปเองครับ Facebook ไม่สามารถไปค้นหาประวัติของคุณมาใส่ได้ ซึ่งถ้าทำได้จริงๆ ต้องถือว่าเป็นระบบที่ “โคตรเทพ” และเป็นระบบที่ “โคตรน่ากลัว” เอามากๆ เลยทีเดียวที่สามารถทราบข้อมูลของเราทั้งหมดตั้งแต่เราเกิด (แค่ตอนสมัคร Google+ แล้วมันมีข้อมูลเราหมดเลยไม่ว่าจะเป็นอาชีพ สถานที่ทำงาน โรงเรียน แค่นี้ก็ตกใจจะแย่แล้ว) ดังนั้นเราจึงต้องกรอกข้อมูลงไปเองโดยเรียงตามลำดับเวลา ซึ่งแน่นอนว่า “โกงได้” ไม่ต้องบันทึกตามช่วงเวลาที่เกิดขึ้นจริง ก็แหม… ใครจะไปจำได้ว่าเหตุการณ์ไหนเกิดขึ้นก่อนหลังแบบเป๊ะๆ จริงไหมครับ


อ้างอิง : http://www.arip.co.th/articles.php?id=407341
Cr. โดย พี่แต๊ป COMTODAY